แมวท้องเสียเพราะอะไร? ข้อควรรู้พร้อมวิธีดูแลเบื้องต้นให้น้องฟื้นตัวไว
- phyathai7 pet care
- 4d
- 2 min read

อาการ แมวท้องเสีย หรือ แมวถ่ายเหลว เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่เจ้าของมักพบเจอได้บ่อย แม้หลายครั้งจะไม่ใช่อาการร้ายแรง แต่ก็สร้างความกังวลใจได้ไม่น้อย โดยเฉพาะหากน้องมีอาการซึม ไม่กินอาหาร หรือมีภาวะขาดน้ำร่วมด้วย บทความนี้จะช่วยตอบคำถามว่า แมวท้องเสียเกิดจากอะไร อาการแบบไหนที่ต้องระวัง วิธีดูแลเบื้องต้นที่บ้านอย่างปลอดภัย รวมถึงการป้องกันไม่ให้น้องกลับมาท้องเสียซ้ำ เพื่อให้เจ้าของมั่นใจว่าน้องแมวได้รับการดูแลอย่างถูกต้องนั่นเอง
น้องแมวท้องเสีย ถ่ายเหลว เกิดจากอะไร
สาเหตุที่ทำให้แมวถ่ายเหลวมีได้หลายแบบ ซึ่งบางครั้งเกิดจากพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่บางครั้งก็เป็นอาการของโรคร้ายแรงที่ต้องรีบรักษา
1. อาหารไม่สะอาด หรือกินของเสีย : แมวที่เผลอกินอาหารบูด ของตกพื้น หรือเศษอาหารที่เก็บไว้นานเกินไป อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในลำไส้จนเกิดอาการท้องเสีย ตัวอย่างเช่น แมวถ่ายเหลว สีน้ำตาล เหม็น หลังจากกินเศษอาหารที่ไม่ได้แช่ตู้เย็น
2. เปลี่ยนอาหารกะทันหัน : ระบบย่อยของแมวไวต่อการเปลี่ยนแปลง หากเจ้าของเปลี่ยนอาหารแห้งไปเป็นอาหารเปียก หรือเปลี่ยนยี่ห้อแบบทันทีโดยไม่ผสมให้ค่อย ๆ ชิน อาจทำให้น้องแมวถ่ายเหลวชั่วคราวได้
3. แพ้อาหารหรือสารเคมี : แมวบางตัวแพ้โปรตีนบางชนิด เช่น ปลา ไก่ หรือนมวัว การดื่มนมวัวมักทำให้เกิดแมวอึเหลว หรือถ่ายเป็นน้ำ เพราะแมวไม่มีเอนไซม์ย่อยแลคโตส นอกจากนี้หากเลียสารเคมี เช่น น้ำยาถูพื้น ก็อาจระคายเคืองระบบทางเดินอาหารจนทำให้แมวท้องเสียได้เช่นกัน
4. การติดเชื้อจากไวรัส แบคทีเรีย หรือพยาธิ : สาเหตุนี้พบได้บ่อยโดยเฉพาะในลูกแมวท้องเสีย ที่ยังมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง โดยอาจพบอาการร่วม เช่น แมวอ้วก ถ่ายเหลว หรือถ่ายมีเลือดปน ซึ่งต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษา
5. ความเครียดจากสิ่งแวดล้อม : แมวเป็นสัตว์ที่ไวต่อสิ่งแวดล้อม การย้ายบ้าน มีสัตว์เลี้ยงใหม่ หรือเสียงดังผิดปกติ อาจกระตุ้นให้ระบบขับถ่ายเสียสมดุลจนทำให้แมวท้องเสียได้
6. โรคทางเดินอาหารหรือโรคเรื้อรัง เช่น ลำไส้อักเสบ ตับอ่อนอักเสบ หรือโรคไต แมวกลุ่มนี้มักมีอาการเรื้อรัง เช่น แมวถ่ายเหลว เหม็น หรือถ่ายสลับกับอาเจียน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจและวางแผนรักษาโดยสัตวแพทย์เท่านั้น
อาการที่ควรสังเกตเมื่อแมวท้องเสีย

เมื่อแมวมีอาการท้องเสีย เจ้าของควรใส่ใจรายละเอียด เพราะสี กลิ่น และลักษณะของอุจจาระช่วยบอกความรุนแรงได้ โดยมีวิธีการตรวจสอบดังต่อไปนี้
แมวถ่ายเหลว แต่ไม่ซึม : มักเกิดจากการกินอาหารไม่ถูกกับร่างกายหรือมีการเปลี่ยนอาหารใหม่อย่างฉับพลัน อาจดีขึ้นได้เองภายใน 1–2 วัน
แมวถ่ายเหลว สีเหลือง เหม็น : อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้
แมวถ่ายเหลว สีน้ำตาล : ส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับอาหารที่กินเข้าไป หากมีกลิ่นแรงมากอาจเกี่ยวกับการติดเชื้อ
แมวถ่ายเหลว สีดำ เหม็น : อาจบ่งบอกถึงการมีเลือดออกภายในทางเดินอาหาร ต้องรีบพบสัตวแพทย์
แมวถ่ายเป็นน้ำ : เสี่ยงต่อการขาดน้ำสูง โดยเฉพาะลูกแมวถ่ายเหลวเป็นน้ำต้องระวังมาก
แมวถ่ายเป็นเลือด : ถือว่าอันตราย ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
หากน้องแมวมีอาการร่วม เช่น มีการอาเจียน ต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน เพราะอาจเกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรง เช่น โรคหัดแมว หรือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาในแมว (Feline Coronavirus; FcoV)
แมวท้องเสียทำยังไงดี? วิธีดูแลแมวท้องเสียเบื้องต้นที่บ้าน
การดูแลน้องแมวท้องเสียเบื้องต้นอย่างถูกต้อง สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นหากไม่ได้เกิดจากโรคร้ายแรง โดยมีแนวทางดังต่อไปนี้
งดอาหารชั่วคราว ให้ลำไส้ได้พัก โดยงดอาหาร 12–24 ชั่วโมง (แต่ห้ามงดน้ำเด็ดขาด)
ให้น้ำสะอาดเสมอ แมวที่ท้องเสียจะสูญเสียน้ำมาก เจ้าของควรหมั่นเปลี่ยนน้ำสะอาดไว้ให้ตลอดเวลา บางกรณีอาจให้สารละลายเกลือแร่สำหรับสัตว์ได้ แต่ห้ามใช้ของคนเองหากไม่ได้ปรึกษาสัตวแพทย์ (ส่วนข้อสงสัยที่ว่าแมวท้องเสียกินเกลือแร่คนได้ไหม คำตอบคือไม่ควรเด็ดขาดเพราะร่างกายแมวอาจจะได้รับแร่ธาตุมากเกินไปจนเป็นอันตรายได้)
เริ่มให้อาหารย่อยง่าย เช่น น้ำซุปใส อาหารแมวสูตรอ่อนโยน หรืออาหารเปียกสูตรย่อยง่ายโดยเฉพาะ
สิ่งที่ห้ามทำ
- ห้ามให้ยาคนเอง (เพราะยาบางชนิดเป็นพิษต่อแมว)
- ห้ามให้อาหารที่มีไขมันสูง ของทอด ของเผ็ด หรืออาหารคนทุกชนิด
- ห้ามปล่อยไว้นานโดยหวังว่า แมวท้องเสียจะหายได้เอง เพราะบางครั้งแมวอาจมีอาการทรุดหนักลงอย่างรวดเร็วจนอยู่ในภาวะอันตรายได้
แมวท้องเสียควรกินอะไร? อะไรควรงด?
เมื่อแมวมีอาการท้องเสีย เจ้าของมักสงสัยว่า แมวท้องเสียควรกินอะไร และอะไรที่ควรเลี่ยงเพื่อไม่ให้อาการแย่ลง การเลือกอาหารที่เหมาะสมถือว่าสำคัญมาก เพราะช่วยให้น้องฟื้นตัวไว ลดการทำงานหนักของระบบย่อย และป้องกันการระคายเคืองลำไส้เพิ่มเติม
อาหารที่ช่วยให้น้องฟื้นตัวเร็ว
1. น้ำซุปใส (ไม่ปรุงรส) : น้ำซุปใสที่ต้มจากไก่หรือปลาโดยไม่ใส่เกลือ เครื่องปรุง หรือเครื่องเทศ จะช่วยให้น้องได้รับน้ำและพลังงานเล็กน้อยโดยไม่ทำให้ลำไส้ทำงานหนัก นอกจากนี้ยังช่วยทดแทนน้ำที่สูญเสียไปจากการถ่ายเหลว ลดความเสี่ยงในการขาดน้ำ
2. อาหารเปียกสูตรย่อยง่าย : อาหารเปียกย่อยง่ายกว่าอาหารเม็ด ช่วยให้ลำไส้ไม่ทำงานหนักเกินไป และให้ความชุ่มชื้นมากกว่า เพราะมีปริมาณน้ำสูง เหมาะกับแมวที่ไม่ค่อยดื่มน้ำ
3. อาหารแมวสูตรทางการแพทย์สำหรับระบบย่อย : อาหารประเภทนี้พัฒนาโดยสัตวแพทย์และนักโภชนาการสัตว์ ใช้วัตถุดิบที่ย่อยง่าย มีโปรตีนคุณภาพสูง ไขมันต่ำ และเสริมใยอาหารที่ช่วยปรับสมดุลในลำไส้ เหมาะกับทั้งแมวที่ท้องเสียชั่วคราว และแมวที่มีโรคทางเดินอาหารเรื้อรัง
อาหารที่ควรงด
1. นมวัว : หลายคนคิดว่านมวัวดีต่อแมว แต่จริง ๆ แล้วแมวส่วนใหญ่ขาดเอนไซม์แลคเตสที่ใช้ย่อยน้ำตาลแลคโตสในนม การดื่มนมวัวจะทำให้เกิดอาการแมวถ่ายเหลว หรือถ่ายเป็นน้ำมากขึ้นกว่าเดิม จึงควรงดโดยเด็ดขาด
2. อาหารเม็ดที่มีสารกันเสีย : อาหารเม็ดบางยี่ห้อมีรสจัด หรือใส่สารปรุงแต่ง สารกันบูด อาจทำให้ระบบย่อยของแมวระคายเคืองได้ แมวที่ท้องเสียอยู่แล้วควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง
3. ของทอด มัน หรืออาหารคน : ระบบย่อยของแมวไม่สามารถย่อยอาหารมันหรืออาหารคนได้ดี อาหารประเภทนี้นอกจากจะทำให้ท้องเสียหนักขึ้นแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคตับอ่อนอักเสบอีกด้วย โดยเฉพาะถ้าแมวกินของทอดหรือเศษอาหารที่มีน้ำมัน
ดังนั้น หากใครสงสัยว่า แมวท้องเสียให้กินอะไร คำตอบง่าย ๆ คือ เลือกอาหารที่ย่อยง่ายและมีน้ำเพียงพอ หลีกเลี่ยงนมวัว อาหารรสจัด และอาหารมันๆ เพื่อให้ระบบย่อยของน้องฟื้นตัวเร็วที่สุดนั่นเอง
เมื่อแมวมีอาการถ่ายเหลว เมื่อไรควรพาแมวไปหาหมอ?

หากพบว่าน้องแมวมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพาไปหาสัตวแพทย์โดยเร็ว เพราะมีแนวโน้มว่าน้องแมวอาจจะมีสาเหตุการท้องเสียจากโรคอื่นๆ หรืออาจทรุดหนักลงกว่าเดิม โดยอาการที่ต้องสังเกตมีดังนี้
อาการไม่ดีขึ้นเกิน 24–48 ชั่วโมง
ถ่ายบ่อยมากจนเรี่ยราด
แมวถ่ายเหลว ซึม ไม่กินอาหาร
มีอาการอาเจียนร่วม (แมวท้องเสีย อ้วก)
สำหรับลูกแมวถ้ามีอาการท้องเสีย ต้องพาไปหาหมอทันที เพราะเสี่ยงขาดน้ำและเสียชีวิตได้ในเวลาไม่นาน
สำหรับโรงพยาบาลสัตว์พญาไท 7 มีบริการตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ และวินิจฉัยโรคทางเดินอาหารโดยสัตวแพทย์เฉพาะทาง พร้อมตรวจเช็กและวางแผนการรักษาน้องแมวที่อาการท้องเสียอย่างครบวงจร
การป้องกันแมวท้องเสียในอนาคต
1. ค่อย ๆ เปลี่ยนอาหารทีละขั้น (7–10 วัน) : ระบบย่อยของแมวไวต่อการเปลี่ยนแปลงอาหาร หากเปลี่ยนสูตรอาหารทันทีจากยี่ห้อหนึ่งไปอีกยี่ห้อ หรือจากอาหารเม็ดไปอาหารเปียก น้องแมวอาจมีอาการถ่ายเหลวได้ การเปลี่ยนที่ถูกต้องควรค่อย ๆ ผสมอาหารใหม่เพิ่มขึ้นทีละน้อยในช่วง 7–10 วัน เพื่อให้น้องปรับตัวได้โดยไม่กระทบต่อระบบขับถ่าย
2. ให้อาหารและน้ำที่สะอาดใหม่เสมอ : อาหารที่เก็บไว้นานจนบูด หรือชามน้ำที่ไม่ได้ล้างบ่อย อาจเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียและเชื้อโรค ทำให้แมวถ่ายเหลว เหม็น หรือการติดเชื้อในลำไส้ได้ง่าย การให้อาหารสดใหม่และน้ำสะอาดทุกวันเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันปัญหาท้องเสีย
3. รักษาสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย ไม่ให้เลียสารเคมี : แมวมีนิสัยชอบเลียหรือดมสิ่งต่าง ๆ หากในบ้านมีน้ำยาถูพื้น น้ำยาล้างห้องน้ำ หรือสารเคมีอื่น ๆ อาจทำให้น้องเกิดการระคายเคืองระบบทางเดินอาหารและเกิดปัญหาน้องแมวท้องเสีย ได้ ดังนั้นเจ้าของควรเก็บสารเคมีให้มิดชิด และหมั่นทำความสะอาดพื้นที่ที่น้องแมวอาศัยอยู่เสมอ
4. พาไปตรวจสุขภาพประจำปี และถ่ายพยาธิ : การพาแมวไปตรวจสุขภาพสม่ำเสมอช่วยให้ตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นได้เร็ว เช่น โรคตับ โรคไต หรือโรคลำไส้อักเสบ นอกจากนี้การถ่ายพยาธิประจำปียังสำคัญมาก เพราะพยาธิเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของแมวท้องเสียและปัญหาการขับถ่ายผิดปกติ
5. หลีกเลี่ยงการให้สมุนไพรรักษาแมวท้องเสียด้วยตนเอง หากไม่ได้ปรึกษาสัตวแพทย์ : แม้ว่าบางสมุนไพรอาจมีสรรพคุณช่วยเรื่องระบบย่อยในคน แต่ในแมวอาจมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ เช่น ทำให้ตับทำงานผิดปกติ หรือระคายเคืองลำไส้ ดังนั้นการใช้สมุนไพรรักษาแมวท้องเสีย โดยไม่ปรึกษาสัตวแพทย์อาจทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิมหรือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดอาจทำให้น้องแมวป่วยหนักหรือเสียชีวิตได้
สำหรับปัญหาน้องแมวท้องเสียนั้น แนวทางการรับมือที่ดีที่สุดควรเริ่มจากการดูแลเบื้องต้นที่บ้านอย่างถูกต้อง เช่น งดอาหารชั่วคราว ให้น้ำสะอาด และเลือกอาหารย่อยง่าย หากอาการไม่ดีขึ้นใน 1–2 วัน หรือมีอาการรุนแรงอย่าง ซึมหนัก อาเจียน หรือถ่ายเป็นเลือด ควรรีบพบสัตวแพทย์ทันที
หากคุณกังวลว่าแมวท้องเสียรักษายังไงให้ปลอดภัยที่สุด เราขอแนะนำให้ลองปรึกษาสัตวแพทย์ที่ โรงพยาบาลสัตว์พญาไท 7 ซึ่งมีทีมสัตวแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านโรคทางเดินอาหารและบริการฉุกเฉินตลอดเวลา เพื่อให้น้องแมวของคุณฟื้นตัวอย่างปลอดภัยต่อไป
Comments