top of page

แมวแก่ควรดูแลอย่างไร? เคล็ดลับยืดอายุและดูแลสุขภาพในวัยชรา

  • Writer: phyathai7 pet care
    phyathai7 pet care
  • Aug 5
  • 2 min read
แมวสูงวัย แมวแก่

ไม่ว่าจะคำว่า “แก่” “ชรา” หรือ “สูงวัย” ล้วนเป็นคำที่ไม่ค่อยน่าอภิรมย์สักเท่าไหร่สำหรับคนส่วนใหญ่ และในสมัยนี้หลาย ๆ คนก็พยายามดูแลตัวเองเพื่อยืดระยะเวลาหนุ่มสาวของตัวเองออกไปก่อนก้าวเข้าสู่ระยะชราวัย ซึ่งน้องแมวก็เช่นเดียวกันกับคนที่แก่ชราได้ โดยถ้าหากเราดูแลเอาใจใส่อย่างเหมาะสม น้องแมวก็จะสามารถมีช่วงวัยที่แข็งแรงต่อไปยาวนานได้เช่นกัน ดังนั้นวันนี้เราจะพามาเจาะลึกเรื่องราวของน้อง แมวแก่ พร้อมบอกเคล็ดลับการเลี้ยงน้องแมวอย่างไรให้น้องอยู่กับเราไปได้นาน ๆ


แมวแก่คือแมวอายุเท่าไหร่?


แมวแก่ดูยังไง? นาฬิกาชีวิตของน้องแมวเมื่อเทียบกับคนถือว่าเดินเร็วกว่ามาก เพียงแค่เจ้าเหมียวของเราใช้เวลาชีวิต 10 ปีขึ้นไปก็ถือว่าก้าวเข้าสู่วัยชราซะแล้ว โดย 2021 AAHA/AAFP Feline Life Stage Guidelines ได้แบ่งช่วง อายุแมว ออกเป็น 5 ช่วงวัยได้แก่


  1. แมวเด็ก (kitten) : แรกเกิดถึง 1 ปี

  2. แมวรุ่น (young adult) : อายุ 1-6 ปี

  3. แมวผู้ใหญ่ (mature adult) : อายุ 7-10 ปี

  4. แมวสูงวัย (senior) : อายุมากกว่า 10 ปี

  5. แมววัยบั้นปลาย (end of life) มีความแตกต่างกันไปในแต่ละตัว 


จะเห็นได้ว่าแต่ละช่วงวัยของน้องแมวไม่มีเส้นอายุขีดแบ่งชัดเจน อายุขัยแมวโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 15-20 ปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับทั้งปัจจัยโดยตัวน้องแมวเองและสภาพแวดล้อมที่มีความแตกต่างกันไปในแต่ละตัว และที่สำคัญคือการดูแลที่ส่งผลให้น้องแมวมีร่างกายที่เสื่อมถอยช้าเร็วแตกต่างกันไปได้ 

โดยเมื่อแมวเริ่มเข้าสู่วัยชรา ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายด้านตามธรรมชาติ เช่น ไต ตับ หัวใจ และระบบย่อยอาหารทำงานลดลง ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เสี่ยงติดเชื้อง่ายขึ้น กล้ามเนื้อและข้อไม่แข็งแรงเท่าเดิม ทำให้เคลื่อนไหวน้อยลง ประสาทสัมผัสเริ่มเสื่อม ขนแห้ง หยาบ ผิวหนังบางลง รวมถึงปัญหาช่องปาก เช่น โรคฟัน และโรคเหงือก


สัญญาณที่บอกว่าแมวเริ่มแก่


  • การกินและน้ำหนักเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับความสามารถในการย่อยและดูดซึมอาการ อัตราการเผาผลาญที่เปลี่ยนไป รวมถึงการออกกำลังกายของน้องแมวแต่ละตัว แต่ทั้งนี้หากพบน้ำหนักที่เปลี่ยนแปลง ควรสังเกตอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เนื่องจากอาจมีสาเหตุมาจากอาการป่วยได้เช่นกัน โดยหากพบอาการผิดปกติควรพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์


  • ขนหยาบหรือขนร่วง อาจพบผิวหนังยืดหยุ่นน้อยลง บางลง จากความเสื่อมตามวัย รวมถึงน้องแมวอาจทำความสะอาดตัวเองน้อยลง ทั้งนี้ทำให้พบการติดเชื้อที่ผิวหนังได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นอีกสิ่งที่เหล่าพ่อแม่แมวควรระวัง


  • เดินช้าลง นอนมากขึ้น พอเข้าสู่ระยะสูงวัย น้องแมวอาจนอนนานยิ่งขึ้น และตื่นตัวน้อยลง แต่ถ้าหากพบว่าน้องแมวมีท่าทางผิดปกติ ไม่ค่อยกระโดดหรือขึ้นลงบันไดอย่างเคย หรือขับถ่ายไม่เป็นที่ อาจสงสัยภาวะข้อเสื่อมได้


  • ขับถ่ายบ่อยขึ้น/ไม่เป็นที่ เมื่อน้องแมวแก่ อาจพบว่าน้องเข้ากระบะบ่อยขึ้น หรือในอีกทางน้องอาจขับถ่ายนอกกระบะได้เช่นกัน แต่การปัสสาวะบ่อยอาจเป็นสัญญาณของโรคไตและโรคเบาหวาน รวมถึงการปัสสาวะไม่เป็นที่ ก็อาจเป็นอาการหนึ่งของความเจ็บปวดหรือภาวะข้อเสื่อมได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อพบอาการผิดปกติ จึงควรปรึกษาสัตวแพทย์


แมวแก่

โรคที่พบบ่อยในแมวสูงวัย


  • โรคไตเรื้อรัง: พบได้บ่อยในแมวแก่ เกิดจากความเสื่อมของไต ทำให้ของเสียคั่งใน ร่างกายแมว มักพบอาการดื่มน้ำบ่อย-ปัสสาวะบ่อย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด กลิ่นปากผิดปกติ

     

  • เบาหวาน: มักเกิดจากการดื้อฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้พบน้ำตาลในเลือดสูง ดื่มน้ำและปัสสาวะบ่อย ขนหยาบ และอาจพบต้อกระจกจากเบาหวานได้


  • ความดันโลหิตสูง: ในระยะแรกอาจแสดงอาการไม่มาก แต่หากรุนแรงอาจส่งผลให้ดวงตา ไต และสมองเสียหายได้


  • ข้อเสื่อม: ทำให้น้องแมวเจ็บปวด แต่อาจแสดงอาการไม่ชัดเจนเท่าในสุนัข ควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม เช่น นอนมากขึ้น ไม่กระโดด ลังเลเมื่อขึ้นลงที่สูง ขับถ่ายนอกกระบะทราย


  • มะเร็ง: พบอาการได้หลากหลายขึ้นกับตำแหน่ง เช่น มีก้อน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด 


  • โรคฟันและช่องปาก: เช่น เหงือกอักเสบ มีหินปูน ทำให้แมวเจ็บปาก เบื่ออาหาร รวมถึงมีกลิ่นปาก 


  • ไทรอยด์เป็นพิษ: เกิดจากต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากเกิน ทำให้เผาผลาญเร็ว กินเยอะแต่ผอมลง กระสับกระส่าย ขนหยาบ 


วิธีดูแลแมวแก่ ให้สุขภาพดีและมีความสุข


การดูแลแมวสูงวัยให้มีสุขภาพดีและมีความสุขนั้น ต้องอาศัยความเข้าใจ การสังเกต และการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เหมาะสมกับความต้องการของน้องแมว ซึ่งการดูแลอย่างรอบด้านนี้เองจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของน้องแมวในช่วงวัยบั้นปลาย


  • พาไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ: การตรวจสุขภาพเป็นประจำถือเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลแมวสูงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวอายุ 7 ปีขึ้นไปควรตรวจบ่อยยิ่งขึ้น โดยแนะนำว่าควรสุขภาพทุก ๆ 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้งนั่นเอง ซึ่งการตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น และชะลอการดำเนินของโรคได้


  • ปรับอาหารให้เหมาะกับอายุ (อาหารแมวสูงวัย): ความต้องการทางโภชนาการของแมวสูงวัยเปลี่ยนแปลงไปตามวัย การให้อาหารสำหรับแมวสูงวัยโดยเฉพาะ ซึ่งได้รับการปรับสูตรให้เหมาะสมกับระบบการย่อยและเผาผลาญที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงความต้องการสารอาหารที่เปลี่ยนไปเป็นสิ่งสำคัญ โดยควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเลือกอาหารที่เหมาะสมกับสุขภาพของแมวแต่ละตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแมวมีโรคประจำตัว


  • ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม: แม้แมวแก่จะนอนมากขึ้น แต่การออกกำลังกายยังคงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่นของข้อต่อ ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากหรือกระโดดสูง ๆ อาจเปลี่ยนมาเป็นการเล่นเบา ๆ ที่กระตุ้นการเคลื่อนไหว เช่น การใช้อุโมงค์แมว หรือการเดินเล่นในบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้น้องแมวแข็งแรงแล้ว ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเจ้าของให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย


  • จัดที่นอนให้นุ่ม ไม่ต้องปีน: ควรหาที่นอนที่น้องแมวชอบ สามารถเข้าถึงได้ง่าย และเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่ควรวางไว้ในที่ที่ต้องปีนป่ายสูง ๆ หรือต้องเดินขึ้นลงบันไดหลายขั้น ควรมีที่นอนหลายจุดในบ้าน เพื่อให้แมวเลือกพักผ่อนตามความต้องการ 


  • เลี้ยงในที่เงียบ ไม่เครียด: ควรจัดสภาพแวดล้อมให้เงียบสงบ หลีกเลี่ยงเสียงดัง แสงจ้า หรือการเปลี่ยนแปลงที่มากเกินไป การมีพื้นที่ส่วนตัวที่ปลอดภัยจะช่วยให้แมวรู้สึกมั่นคงและลดความวิตกกังวล 


อาหารสำหรับแมวสูงวัย แมวแก่ ควรเป็นแบบไหน?


แมวสูงวัย แมวแก่ และอาหารสำหรับแมวแก่

อย่างที่รู้กันว่าน้องแมวสูงวัยมักมีการย่อยและดูดซึมอาหารเปลี่ยนแปลงไป จึงส่งผลให้อาหารในปริมาณเท่าเดิมอาจให้ปริมาณพลังงานและสารอาหารลดลง ดังนั้นการเลือกอาหารที่ย่อยง่ายจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะโปรตีนที่มีส่วนสำคัญในกระบวนการต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับโปรตีนต่ำลงจะส่งผลให้กล้ามเนื้อฝ่อลีบ และมีผลต่อสุขภาพโดยรวมได้ แนะนำว่าควรให้อาหารสำหรับแมวสูงวัยโดยเฉพาะที่ผลิตโดยบริษัทที่น่าเชื่อถือ เนื่องจากมีการคำนวณสารอาหารและพลังงานที่เหมาะสมต่อสัตว์สูงวัย แต่ทั้งนี้ก็ต้องระวังโรคไตเรื้อรังในแมวสูงวัยเช่นกัน ซึ่งเป็นโรคที่ต้องควบคุมปริมาณโปรตีน โดยสามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติมเพื่อหาสูตรอาหารและปริมาณที่เหมาะสม 


น้ำ ก็ถือเป็นอีกสารอาหารสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะภาวะขาดน้ำนั้นส่งผลเสียต่อร่างกายรอบด้าน อีกทั้งยังพบได้บ่อยในแมวสูงอายุ จากทั้งการกระหายน้ำลดลง การเคลื่อนที่ลดลง และสภาวะโรคต่าง ๆ ดังนั้นหากน้องแมวไม่ค่อยดื่มน้ำก็ควรเสริมน้ำจากช่องทางอื่น เช่น การใช้อาหารเปียก หรือให้เป็นน้ำซุปเพื่อให้น้ำดูน่ากินมากขึ้น


นอกจากนี้อาหารเปียกยังเหมาะกับน้องแมวที่มีปัญหาโรคช่องปาก เพราะเคี้ยวง่าย ไม่ทำให้ปากเจ็บเท่าอาหารเม็ด แต่ในทางกลับกันไม่ได้แปลว่าน้องแมวสูงวัยจะไม่สามารถกินอาหารเม็ดได้เลย โดยหากน้องแมวสามารถกินอาหารเม็ดได้ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเนื่องจากราคาถูกกว่า และเก็บรักษาได้นานกว่า



การดูแลแมวสูงวัยเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความเข้าใจ ความอดทน และที่สำคัญคือความใส่ใจ แม้ว่าการแก่ชราจะเป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ด้วยการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม การใส่ใจในโภชนาการ การจัดสภาพแวดล้อม และการสังเกตสัญญาณความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด จะสามารถช่วยให้เจ้าเหมียวสามารถใช้ชีวิตในวัยชราได้อย่างมีคุณภาพ มีความสุข และปราศจากความเจ็บปวดได้ยาวนานที่สุด เพราะความใส่ใจ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้น้องแมวมีสุขภาพที่ดีและมีความสุขไปอีกนาน ๆ  



Comments


© 2025 by PHYATHAI 7 Group Co., Ltd

  • Instagram
  • TikTok
line-me.png
bottom of page