top of page

หมาท้องกี่เดือนถึงคลอด? วิธีดูแลระหว่างน้องหมาตั้งครรภ์

  • Writer: phyathai7 pet care
    phyathai7 pet care
  • Oct 20
  • 2 min read
แม่สุนัขนอนอยู่ข้างลูกน้อย

เมื่อน้องหมาท้อง ไม่ใช่แค่น้องที่เป็นคุณแม่มือใหม่ แต่เจ้าของอย่างเราก็เช่นกัน ที่มีอะไรต้องเรียนรู้เต็มไปหมด เช่น น้องหมาท้องกี่เดือน อาการเป็นอย่างไร ต้องระวังอะไรบ้าง แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป เราขอเสริมความมั่นใจให้กับเหล่าทาสหมา รวบรวมเคล็ดลับคู่มือดูแลคุณแม่มือใหม่แบบครบจบในที่เดียว


สุนัขตั้งท้องนานแค่ไหน? หมาท้องกี่เดือนถึงคลอด?


โดยทั่วไป น้องหมาตั้งท้องนานประมาณ 63 วัน (อาจอยู่ในช่วง 57-72 วัน) นับตั้งแต่วันตกไข่ คือประมาณ 2 เดือนนั่นเอง โดยในแต่ละระยะการตั้งท้อง น้องหมาจะแสดงอาการดังนี้


  • สัปดาห์ที่ 1-3 : ในช่วงแรกน้องหมาอาจยังไม่แสดงอาการอะไรเนื่องจากตัวอ่อนยังไม่ฝังตัว แต่อาการ สุนัขท้อง 3 สัปดาห์ เมื่อเกิดการฝังตัวของตัวอ่อนแล้ว อาจพบว่าแม่สุนัขมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปคล้ายอาการแพ้ท้อง เช่น ซึม ไม่อยากอาหาร 

  • สัปดาห์ที่ 4 : อาจพบสารคัดหลั่งใสจากช่องคลอด และพบว่าเต้านมเริ่มมีการพัฒนา

  • สัปดาห์ที่ 5 : อาการ สุนัขท้อง 5 สัปดาห์อาจเริ่มเห็นว่าท้องขยายใหญ่ขึ้น และมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

  • สัปดาห์ที่ 6-7 : เห็นเต้านมขยายใหญ่ขึ้นชัดเจน อาจพบขนร่วง ซึ่งเป็นปกติ ตามธรรมชาติน้องหมาจะใช้ขนเหล่านั้นในการทำรังรองรับลูกสุนัขที่คลอดออกมา

  • สัปดาห์ที่ 8 : ท้องขยายใหญ่อย่างชัดเจน ในน้องหมาบางตัวอาจพบน้ำนมไหลเมื่อบีบออกมา

  • สัปดาห์ที่ 9 : น้องหมาจะมีพฤติกรรมสร้างรัง กระวนกระวายเมื่อหมาใกล้คลอด ในบางตัวอาจพบว่าไม่กินอาหารได้ และก่อนคลอด 24 ชั่วโมงจะพบว่าอุณหภูมิร่างกายลดลง


วิธีการสังเกตอาการ สุนัขท้อง


อาการของน้องหมาตั้งท้องมีอยู่หลากหลายด้วยกัน เช่น มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ท้องขยายใหญ่ขึ้น เต้านมขยายใหญ่ขึ้น พบน้ำนม ขนร่วงหรือมีพฤติกรรมสร้างรัง แต่อย่างไรก็ดีในช่วงแรกของการที่สุนัขตั้งท้อง อาการที่แสดงมักไม่บ่งชี้ถึงการตั้งท้องอย่างชัดเจน ดังนั้นหากมีพฤติกรรมหรืออาการที่สงสัย ควรพาน้องไปตรวจที่โรงพยาบาลสัตว์ ซึ่งคุณหมอมีเทคนิคที่ช่วยตรวจการตั้งท้องหลากหลายวิธี เช่น


  • การคลำท้อง เหมาะกับช่วงอายุการตั้งท้อง 3-5 สัปดาห์ โดยคุณหมอจะคลำเจอลักษณะกระเปาะกลมเล็ก ๆ ในท้อง

  • อัลตราซาวนด์ ตรวจพบได้เร็ว โดยอาจพบได้ตั้งแต่อายุการตั้งท้อง 25 วันเป็นต้นไป รวมถึงสามารถใช้ประเมินการมีชีวิตของลูกสุนัขในท้องและกำหนดวันคลอดเบื้องต้นได้

  • เอกซเรย์ เห็นลูกในท้องได้เมื่ออายุการตั้งท้อง 45 วันเป็นต้นไป สามารถประเมินจำนวนลูก รวมถึงประเมินภาวะคลอดยากได้เบื้องต้นจากการวางตัวของลูกและขนาดหัวเทียบกับเชิงกรานของแม่สุนัข

  • ตรวจฮอร์โมนจากเลือด เป็นการตรวจหาฮอร์โมนที่สร้างจากรก ซึ่งบ่งบอกถึงการตั้งท้องของสุนัขท้องได้


สุนัขแม่ลูกนอนพักบนสนามหญ้า

การดูแลหมาท้องในแต่ละช่วง


เริ่มตั้งท้อง-สัปดาห์ที่ 4


  • พบสัตวแพทย์เพื่อตรวจการตั้งท้อง และหมั่นไปพบสัตวแพทย์ตามนัด

  • ในช่วงที่ยังไม่แน่ใจว่าน้องท้องหรือไม่ สามารถดูแลให้อาหารตามปกติได้

  • เมื่อยืนยันการตั้งท้อง สามารถเปลี่ยนอาหารเป็นสูตรสำหรับแม่และลูกสุนัข เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของลูก

  • สามารถเสริม folic acid ตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ ซึ่งมีส่วนช่วยในการเจริญของลูกสุนัขและเสริมสร้างสุขภาพแม่สุนัข


สัปดาห์ที่ 5


  • เพิ่มปริมาณอาหารที่ได้รับต่อวันตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ โดยอาจแบ่งมื้อให้ถี่มากขึ้น และควรเลือกใช้อาหารที่มีการคำนวนสูตรสำหรับแม่สุนัขโดยเฉพาะ


สัปดาห์ที่ 6-7


  • เพิ่มปริมาณอาหารที่ได้รับต่อวันตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ โดยอาจแบ่งมื้อให้ถี่มากขึ้น และควรเลือกใช้อาหารที่มีการคำนวนสูตรสำหรับแม่สุนัขโดยเฉพาะ

  • เตรียมรังคลอดให้น้องหมา อาจใช้กล่องเปิดด้านบน มีทางเข้า ขนาดใหญ่กว่าตัวน้องหมาให้ขยับตัวได้สะดวก ไม่ทับลูก ปูผ้าไว้ให้น้องหมาเตรียมรังพร้อมสำหรับการคลอด


สัปดาห์ที่ 8-9


  • หมั่นสังเกตอาการสุนัขท้องสม่ำเสมอ โดยหากพบอาการผิดปกติ อย่าลังเลที่จะปรึกษาสัตวแพทย์


การพบสัตวแพทย์สม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การตั้งท้องและการคลอดของน้องหมาเป็นไปอย่างปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากสัตวแพทย์สามารถตรวจประเมินสุขภาพการตั้งท้อง ประเมินการมีชีวิตของลูกสุนัข รวมถึงประเมินภาวะคลอดยาก พร้อมวางแผนรับมือล่วงหน้าและให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการคลอด นอกจากนี้ยังสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลแม่สุนัข การจัดการอาหาร เนื่องจากในช่วงที่สุนัขตั้งท้อง สิ่งที่สุนัขกินเข้าไป รวมถึงยาต่าง ๆ อาจส่งผลถึงลูกในท้องได้ ตลอดจนถึงการดูแลหลังคลอด การสังเกตอาการต่าง ๆ ของแม่และสุนัข ก็เป็นสิ่งที่สัตวแพทย์สามารถให้คำแนะนำและการดูแลเพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่แข็งแรงของแม่และลูกสุนัข


หมาท้องใกล้คลอดมีอาการยังไง?


  • พฤติกรรมเปลี่ยน เช่น กระวนกระวายอยู่ไม่สุข เตรียมรังคลอด

  • ดูไม่สบายตัว หายใจหอบ

  • มีน้ำนมไหล

  • เมื่อวัดอุณหภูมิร่างกายทางทวารหนัก พบว่าอุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 99 องศาฟาเรนไฮต์ บ่งชี้ว่าจะมีการคลอดภายใน 24 ชั่วโมง


ลูกสุนัขแรกเกิดนอนรวมกันอย่างอบอุ่น

เตรียมตัวยังไงเมื่อน้องหมาจะคลอด?


  • โดยปกติแล้ว น้องหมาสามารถคลอดเองได้ที่บ้าน แต่อย่างไรก็ตามเราควรหมั่นสังเกตอาการของสุนัขอย่างใกล้ชิด รวมถึงสามารถนัดสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ หรือเตรียมเบอร์ติดต่อฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า

  • ในช่วงสัปดาห์ที่ 6-7 ของการตั้งท้อง สามารถเตรียมรังคลอดไว้ล่วงหน้าเพื่อรอรับการคลอดได้เลย

  • สุนัขบางตัวอาจไม่สบายใจเมื่อเจ้าของเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา จึงสามารถสังเกตจากระยะไกล หรือใช้กล้องวงจรปิดช่วยในการเฝ้าดูได้

  • เมื่อมีสัญญาณการคลอด สุนัขจะเริ่มเบ่ง และอาจพบถุงน้ำคร่ำแตก ลูกสุนัขจะเริ่มออกมา พร้อมทั้งอาจเห็นรกตามออกมาด้วย โดยธรรมชาติ แม่สุนัขจะเลียลูก เพื่อกระตุ้นให้ของเหลวในจมูกและปากไหลออก

  • หากเป็นสุนัขท้องแรก เราอาจต้องช่วยดึงถุงหุ้มตัวอ่อนออก ใช้ลูกยางดูดของเหลวออกจากจมูกและปาก เพื่อให้ลูกสุนัขหายใจได้สะดวก จากนั้นพาลูกสุนัขเข้าเต้าแม่ และคอยระวังไม่ให้แม่สุนัขเผลอทับลูก

  • หากแม่สุนัขใช้เวลาคลอดนานผิดปกติ หรือพบว่าลูกสุนัขติดค้างออกมาไม่ได้ ควรรีบติดต่อสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ และพาไปโรงพยาบาลสัตว์ทันที


หากมีความไม่มั่นใจหรือกังวลว่าอาจมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างการคลอดของสุนัข สามารถฝากให้ศูนย์สูติกรรมโรงพยาบาลสัตว์พญาไท 7 ช่วยดูแลน้องหมาตลอดการคลอด โดยทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ครบครัน เพื่อให้คุณแม่และลูกสุนัขปลอดภัย และคุณเจ้าของอุ่นใจมากที่สุด


ข้อควรระวังและปัญหาที่อาจเกิดขึ้น


ในระหว่างการคลอดมีข้อควรระวังและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างแรกที่ควรทำคือตั้งสติ รวบรวมข้อมูล และเพื่อความปลอดภัยของแม่และลูกสุนัข หากเกิดปัญหาขึ้น ควรปรึกษาสัตวแพทย์เสมอ หรือในกรณีฉุกเฉินอาจต้องพาน้องไปพบสัตวแพทย์ที่โรงพยาบาลสัตว์โดยทันที โดยเบื้องต้นเหตุการณ์ที่ควรระวังและพาน้องไปพบสัตวแพทย์ มีดังนี้


  • แม่สุนัขตั้งท้องนานเกินไป โดยไม่มีสัญญาณว่าจะคลอด

  • พบสารคัดหลั่งสีเขียวคล้ำจากช่องคลอด แต่ไม่มีลูกออกมาใน 2 ชั่วโมง

  • แม่สุนัขเบ่งแรงและนาน โดยไม่มีลูกออกมาใน 30 นาที

  • แม่สุนัขมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีอาการเจ็บปวดรุนแรง

  • ลูกติดค้าง ออกมาไม่หมด 

  • ลูกสุนัขไม่ตอบสนอง อ่อนแรง ซีด


ทั้งนี้แม้การคลอดจะจบลงไป แต่การดูแลแม่และลูกสุนัขยังต้องการความใส่ใจอย่างมาก ยังควรต้องสังเกตอาการหลังคลอด ทั้งอาการในฝั่งแม่ เช่น สีของสารคัดหลั่งจากช่องคลอด การมีไข้ รวมถึงอาการผิดปกติอื่น ๆ รวมถึงในฝั่งลูก ควรสังเกตว่าลูกสุนัขได้รับการดูแลและได้กินนมแม่อย่างทั่วถึงหรือไม่ มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ นอกจากนี้การดูแลสภาพแวดล้อมให้สะอาดและอบอุ่นก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม



เมื่อมีน้องหมาเกิดใหม่ มักมาพร้อมกับบรรยากาศแห่งความชื่นมื่น น่ายินดีไปกับลูกสุนัขที่น่ารัก ดังนั้นการดูแลสุนัขตลอดช่วงทั้น้องหมาตั้งท้อง จึงเป็นสิ่งที่ทั้งเจ้าของน้องหมา ตัวน้องหมาเอง และทีมสัตวแพทย์ต้องใส่ใจและทำงานร่วมกัน เพื่อให้น้องหมาที่เกิดมามีสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัยที่สุด ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าในระหว่างการตั้งท้อง การคลอด จนถึงการดูแลหลังการคลอด มีรายละเอียดมากมายที่เราต้องคอยสังเกต และจับตาดูไปตลอดจนกว่าลูกสุนัขจะเติบโต


สำหรับครอบครัวไหนที่กำลังมีสมาชิกใหม่ โรงพยาบาลสัตว์พญาไท 7 ขอแสดงความความยินดี และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดูแลและให้คำปรึกษาตั้งแต่การวางแผนตั้งท้อง การคลอด ไปจนถึงการดูแลหลังคลอด ด้วยทีมสัตวแพทย์จากศูนย์สูติกรรมที่มีความเชี่ยวชาญและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ให้คุณมั่นใจว่าทั้งแม่และลูกสุนัขจะปลอดภัยในทุกขั้นตอน

Comments


© 2025 by PHYATHAI 7 Group Co., Ltd

  • Instagram
  • TikTok
line-me.png
bottom of page