อาการแมวใกล้คลอดเป็นยังไง? วิธีสังเกตและการดูแลแมวที่กำลังตั้งครรภ์
- phyathai7 pet care
- Oct 20
- 2 min read

เชื่อว่าเหล่าทาสแมวหลายคนที่กำลังอ่านบทความฉบับนี้คงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแมวตั้งท้องเต็มไปหมด อาจจะด้วยเพราะเจ้าเหมียวแสนรักของเรากำลังจะมีน้อง หรือไม่ก็เพราะได้เป็นทาสแมวมือใหม่ที่เพิ่งรับเจ้าเหมียวที่มีลูกในท้องอยู่ แต่ไม่ว่าจะกรณีไหนก็คงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นไปเสียหมด แต่ไม่เป็นไร วันนี้เราขอสรุปครบบอกหมดทุกทิปส์เกี่ยวกับอาการแมวใกล้คลอด หรือวิธีสังเกตว่าท้อง หรือไม่ ที่เหล่าทาสแม่แมวมือใหม่ควรรู้แบบไม่มีกั๊ก
แมวตั้งท้องกี่เดือน? รู้จักวงจรการตั้งครรภ์ของแมว
โดยทั่วไปแม่แมวจะใช้เวลาตั้งท้องประมาณ 2 เดือน หรือ 63 วัน (เฉลี่ย 63-65 วัน) นับตั้งแต่วันที่ผสมพันธุ์ ใกล้เคียงกับในน้องหมา โดยสามารถแบ่งระยะของการตั้งท้องออกเป็น 3 ระยะ ช่วงละ 20 วันโดยประมาณ ดังนี้
ระยะที่ 1 (อายุตั้งท้องวันที่ 1-21)
เป็นระยะที่สังเกตการเปลี่ยนแปลงได้ยาก อาจพบการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เช่น เริ่มเห็นเต้านมชัดขึ้น เป็นสีชมพู รวมถึงน้องแมวอาจเจริญอาหารมากขึ้นเล็กน้อย
ระยะที่ 2 (อายุตั้งท้องวันที่ 21-42)
เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายชัดขึ้น เช่น ลักษณะเต้านมเจริญมากขึ้น ท้องเริ่มขยายใหญ่ รวมถึงพบความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม เช่น น้องอาจจะสงบมากขึ้น ขี้อ้อนมากขึ้น
ระยะที่ 3 (อายุตั้งท้องวันที่ 42-63)
สังเกตเห็นว่าแมวท้องได้อย่างชัดเจน จากขนาดท้องที่ใหญ่ขึ้น เห็นเต้านมชัดขึ้น น้องแมวจะอยากอาหารมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงมีพฤติกรรมเลียที่เต้านมและอวัยวะเพศ น้อง ๆ จะเริ่มมองหาที่ทางในการใช้คลอดลูก เราอาจจะรู้สึกว่าน้องแมวหาตัวจับได้ยากขึ้นในเวลานี้ เพราะน้องกำลังหาพื้นที่ที่สงบ เหมาะสมในการคลอดลูก
จะรู้ได้อย่างไรว่าแมวตั้งท้อง?
การสังเกตว่าน้องแมวตั้งท้องหรือไม่ในช่วง 2 ระยะแรกของการตั้งท้องอาจเป็นเรื่องที่ฟันธงไม่ได้อย่างชัดเจนจากการสังเกตเพียงอย่างเดียว เราจะเริ่มสังเกตเห็นการตั้งท้องได้ชัดเจนในช่วงระยะที่ 3 (วันที่ 42 เป็นต้นไป) ทั้งนี้น้องแมวก็อาจแสดงอาการแมวท้องให้เราเห็น อย่างเช่น เต้านมและหัวนมมีสีชมพูชัดขึ้นและเต่งขึ้น มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เช่น เชื่องขึ้น ขี้อ้อนมากขึ้น พบเห็นท้องขยายใหญ่ขึ้น ชอบเลียท้องและบริเวณใต้หาง รวมถึงมีพฤติกรรมตามหาพื้นที่ทำรัง เตรียมพร้อมเข้าสู่การคลอด
ด้วยพฤติกรรมที่ไม่ชัดเจนในช่วงแรกของการตั้งท้อง ในทางสัตวแพทย์จึงมีเทคนิคมากมายที่ช่วยยืนยันการตั้งท้องของน้องแมว ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ยังสามารถช่วยตรวจเช็คสุขภาพครรภ์ อันเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการวางแผนเตรียมคลอดของน้อง ๆ อีกด้วย
การคลำท้อง เหมาะกับช่วงอายุการตั้งท้องที่ 2.5-3.5 สัปดาห์ โดยคุณหมอจะคลำเจอลักษณะกระเปาะกลมเล็ก ๆ ในท้อง
อัลตราซาวนด์ ตรวจพบได้เร็ว โดยอาจพบได้ตั้งแต่อายุการตั้งท้อง 25 วันเป็นต้นไป รวมถึงสามารถใช้ประเมินการมีชีวิตของลูกแมวในท้อง รวมถึงประเมินอายุครรภ์และกำหนดวันคลอดเบื้องต้นได้
เอกซเรย์ เห็นลูกในท้องได้เมื่ออายุการตั้งท้อง 45 วันเป็นต้นไป สามารถประเมินจำนวนลูก รวมถึงประเมินภาวะคลอดยากได้เบื้องต้นจากการวางตัวของลูกและขนาดหัวเทียบกับเชิงกรานของแม่แมว
สัญญาณและอาการแมวใกล้คลอดที่ควรสังเกต
พฤติกรรมเปลี่ยนไป
น้องแมวมีอาการกระสับกระส่าย ดูไม่สบายตัว
ส่งเสียงร้องมากขึ้น อาจเป็นเสียงร้องเหมียว หรือเสียงเพอร์
กินอาหารน้อยลงหรือหยุดกินอาหาร
เลียขนตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณเต้านมและอวัยวะเพศ
เข้ารังบ่อย ๆ โดยน้องแมวจะทำรังในที่ที่เหมาะสำหรับการคลอด เช่น พื้นที่เงียบสงบ สะอาด และอบอุ่น
อาการทางร่างกาย
เต้านมเจริญเติบโตเต็มที่
หายใจหอบ
อุณหภูมิร่างกายลดลง ต่ำกว่า 100 องศาฟาเรนไฮต์
การเตรียมตัวสำหรับแมวท้องใกล้คลอด
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าเมื่อน้องแมวท้องใกล้คลอด จะแสดงพฤติกรรมทำรัง เอาไว้สำหรับเลี้ยงลูกแมวเกิดใหม่ แม่แมวมักจะเลือกที่ที่สงบเงียบ ปลอดภัย สะอาด แสงสลัว ๆ โดยน้องแมวอาจเริ่มแสดงพฤติกรรมทำรังในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนคลอด ซึ่งเราอาจสังเกตได้ว่า น้องแมวเลือกพื้นที่ไหนในการทำรัง รวมถึงสามารถคอยเตรียมอุปกรณ์ให้กับน้องแมวในบริเวณเหล่านั้น เช่น รังคลอดที่มีลักษณะเป็นกล่องเปิดด้านบน เจาะทางเข้าให้เดินเข้าออกง่าย พร้อมวัสดุปูรอง (อาจเป็นผ้า หรือวัสดุที่ลูกแมวสามารถมุดเข้าออกได้ง่าย)
นอกจากนี้การสื่อสารกับสัตวแพทย์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยตลอดการตั้งท้องควรพาน้องแมวไปตรวจเช็คสุขภาพกับสัตวแพทย์ตามนัด และขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ในกรณีที่ต้องการให้น้องแมวคลอดลูกเองที่บ้าน พร้อมกับขอช่องทางติดต่อไว้สำหรับกรณีต้องการคำปรึกษาหรือเกิดเหตุฉุกเฉินขณะที่น้องแมวคลอด


การดูแลแมวระหว่างคลอดและหลังคลอด
โดยปกติแล้ว น้องแมวคลอดลูกในบ้านได้เอง
เมื่อแมวใกล้คลอด เจ้าของควรหมั่นสังเกตอาการแมวท้องใกล้คลอด เช่น น้องจะเข้ารังบ่อยขึ้น
ถ้าเป็นน้องที่ติดเจ้าของ น้องอาจอยากให้เจ้าของอยู่ด้วย ถ้าไม่ น้องแมวอาจต้องการความสงบระหว่างการคลอด ดังนั้นจึงควรสังเกตจากระยะไกลหรือใช้กล้องวงจรปิดช่วยระหว่างสังเกตอาการ
ในแมวท้องใกล้คลอด อาการเมื่อสัญญาณการคลอดมาถึง คือน้องแมวจะแสดงพฤติกรรมทำรัง หายใจหอบ โดยระยะนี้อาจกินเวลาถึง 36 ชั่วโมง
เมื่อมดลูกบีบตัวแรงขึ้น จะพบถุงน้ำคร่ำโผล่ออกมาจากช่องคลอดและแตก จะมีลูกแมวตามออกมา ตามมาด้วยรก ไล่เลียงไปในแมวแต่ละตัว โดยระยะเวลาการเกิดของลูกแมวแต่ละตัวมักทิ้งห่างกันประมาณ 30 นาที และท้ายที่สุดจะต้องมีจำนวนรกเท่ากับจำนวนลูกแมวเสมอ
หากแม่แมวสามารถดูแลลูกได้เอง ไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วย น้องจะมีพฤติกรรม แม่แมวหลังคลอด เช่น เลียลูกเพื่อกระตุ้นให้ของเหลวในจมูกและปากไหลออกมา ให้ลูกแมวหายใจได้เอง รวมถึงแม่แมวจะกัดสายสะดือและกินรกที่ออกมา ต่อมาลูกแมวจะสามารถเข้าเต้าแม่เพื่อกินนมได้
แม่แมวอาจมีระยะพักระหว่างการคลอด โดยพบว่าน้องจะใช้ชีวิตตามปกติ ไม่มีสัญญาณของการคลอด สามารถกินข้าวกินน้ำได้ และอาจแวะไปเลียลูกที่คลอดออกมาแล้วบ้าง หากเรายังเห็นว่ามีลูกแมวอยู่ในท้อง แสดงว่ายังมีการรอคลอดออกมาในระยะต่อไป โดยระยะพักนี้อาจกินเวลาหลายชั่วโมง เมื่อสิ้นสุดระยะพัก แมวจะคลอดอีกครั้ง มีอาการเบ่งเหมือนช่วงแมวคลอดลูกปกติ ฉะนั้นการคลอดของแมวจึงอาจกินเวลาได้นานเกินหนึ่งวัน
หากแม่แมวหรือลูกแมวมีอาการผิดปกติ ควรติดต่อสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและพาไปโรงพยาบาลสัตว์ โดยหากไม่มั่นใจหรือกังวล สามารถฝากดูแลที่ศูนย์สูติกรรมโรงพยาบาลสัตว์พญาไท 7 มีทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ครบครัน เพื่อให้แม่แมวและลูกแมวปลอดภัย และให้เจ้าของอุ่นใจมากที่สุด
เมื่อไหร่ควรพาแมวไปหาสัตวแพทย์?
ในระหว่างการคลอดมีข้อควรระวังและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างแรกที่ควรทำคือตั้งสติ รวบรวมข้อมูล และเพื่อความปลอดภัยของแม่แมวและลูกแมว หากเกิดปัญหาขึ้น ควรปรึกษาสัตวแพทย์เสมอ หรือในกรณีฉุกเฉินอาจต้องพาน้องไปพบสัตวแพทย์ที่โรงพยาบาลสัตว์โดยทันที โดยเบื้องต้นเหตุการณ์ที่ควรระวังและปรึกษาสัตวแพทย์ มีดังนี้
แม่แมวตั้งท้องนานเกินไป แม้เลยกำหนดคลอดแล้ว แต่ไม่มีสัญญาณว่าจะคลอด
พบสารคัดหลั่งสีผิดปกติจากอวัยวะเพศก่อนคลอด
น้องแมวมีเลือดออกจากช่องคลอด ระหว่างการคลอด
พบอาการเบ่งไม่ออก เช่น น้องแมวมีอาการเบ่งต่อเนื่อง หายใจหอบ ร้อง จนอ่อนแรง แต่ไม่มีลูกแมวออกมา
แม่แมวเบ่งแรงและนาน โดยไม่มีลูกออกมาภายใน 20-30 นาที
แม่แมวมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีอาการเจ็บปวดรุนแรง
ลูกติดค้าง ออกมาไม่หมด
ลูกแมวไม่ตอบสนอง อ่อนแรง ซีด
ทั้งนี้แม้การคลอดจะจบลงไป แต่การดูแลแม่แมวและลูกแมวยังต้องการความใส่ใจอย่างมาก ยังควรต้องสังเกตอาการหลังคลอด ทั้งอาการในฝั่งแม่ เช่น สีของสารคัดหลั่งจากช่องคลอด การมีไข้ รวมถึงอาการผิดปกติอื่น ๆ รวมถึงในฝั่งลูก ควรสังเกตว่าลูกแมวได้รับการดูแลและได้กินนมแม่อย่างทั่วถึงหรือไม่ มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ นอกจากนี้การดูแลสภาพแวดล้อมให้สะอาดและอบอุ่นก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
คำแนะนำจากสัตวแพทย์โรงพยาบาลสัตว์พญาไท 7
หลายคนอาจเข้าใจว่า ที่สุดของกระบวนการตั้งท้องก็คือการคลอดลูก แต่แท้จริงแล้ว การดูแลแม่แมวและลูกแมวให้ปลอดภัยแข็งแรงต้องอาศัยความใส่ใจ การสังเกตอาการ และการเตรียมความพร้อมตั้งแต่การผสมพันธุ์ การตั้งท้อง การคลอดลูก ไปจนถึงการดูแลหลังคลอด ไม่มีส่วนไหนที่สำคัญน้อยกว่ากัน ซึ่งในทุกกระบวนการ สัตวแพทย์สามารถช่วยดูแลและประเมินสภาวะสุขภาพให้ทุกขั้นตอนเกิดขึ้นอย่างปลอดภัยที่สุด พร้อมเป็นที่ปรึกษาและตอบคำถามเมื่อเจ้าของต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่มั่นใจ
การพบสัตวแพทย์แต่เนิ่น ๆ สามารถให้ข้อมูลอะไรได้หลายอย่าง ทั้งการประเมินอายุครรภ์ กำหนดวันที่น้องแมวคลอดลูก จำนวนลูก การประเมินภาวะคลอดยาก การตรวจสภาพร่างกายแม่แมว และการตรวจการมีชีวิตของลูกในท้อง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้จะช่วยให้ทั้งทีมสัตวแพทย์เองและคุณเจ้าของน้องแมวสามารถพูดคุยวางแผนที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของและน้องแมวร่วมกัน รวมถึงช่วยกันหาวิธีรับมือก่อนที่จะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ได้อย่างทันท่วงที
ดังนั้นหากคุณไม่แน่ใจว่าตอนนี้แมวที่บ้านกำลังตั้งท้อง หรือใกล้คลอดหรือไม่ ปรึกษาสัตวแพทย์ของโรงพยาบาลสัตว์พญาไท 7 ได้เลย
จะเห็นได้ว่าเมื่อน้องแมวใกล้คลอด มีหลายสิ่งที่เหล่าทาสแมวต้องรับมือ ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตอาการทั้งในด้านพฤติกรรมและด้านร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น พฤติกรรมทำรัง การส่งเสียงร้อง การหายใจหอบ รวมถึงการพาน้องไปพบสัตวแพทย์ การเฝ้าคลอด และการดูแลหลังคลอด ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยการเตรียมตัวที่ดี เพื่อให้แม่แมวและลูกแมวที่เกิดมามีสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัยที่สุด
สำหรับครอบครัวไหนที่กำลังมีสมาชิกใหม่โรงพยาบาลสัตว์พญาไท 7 ขอแสดงความความยินดี และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดูแลและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดตั้งแต่การวางแผนตั้งท้อง การคลอด ไปจนถึงการดูแลหลังคลอด ด้วยทีมสัตวแพทย์ศูนย์สูติกรรมที่มีความเชี่ยวชาญและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ให้คุณมั่นใจว่าทั้งแม่แมวและลูกแมวจะปลอดภัยในทุกขั้นตอน






Comments